บทความทางวิชาการ
เรื่อง การประกันคุณภาพการศึกษา : จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ สู่อนาคตการศึกษาไทย
รจณีย์ ศรีทอง
ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าเรื่องของคุณภาพการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญเพราะการศึกษาเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคน ดังนั้นทุกคนจึงต้องให้ความสำคัญและมีส่วนร่วมในการผลักดันส่งเสริมให้ผลผลิตทางการศึกษามีคุณภาพ ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดผลกระทบกับเด็กเยาวชนและคนไทยในอนาคตเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งรัดพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพเพื่อให้เด็กและเยาวชนไทยเป็นคนดี มีคุณธรรม เป็นคนเก่ง คิดดี ทำงานได้ดี มีคุณภาพ มีความเป็นไทย สามารถปรับตัวได้เหมาะสมกับสถานการณ์โลกและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
ที่ผ่านมาเราอาจเคยได้ยิน หรือเห็นคำว่า “คุณภาพ” ปรากฏในนโยบาย แผนงาน โครงการต่างๆ และเป็นความต้องการของผู้รับบริการโดยทั่วไป แต่ในทางปฏิบัติ นโยบายเหล่านั้นไม่ได้นำไปสู่การปฏิบัติที่ก่อให้เกิดผลเท่าที่ควรด้วย ทั้งนี้อาจจะเนื่องมาจากสาเหตุหลายประการ ดังปรากฏในรายงานการวิจัยและการติดตามผลการจัดการศึกษาไทยตลอดมา รายงานของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ (2543 : 38) ในการจัดทำแผนพัฒนาการศึกษา ฉบับที่ 8 ได้กล่าวถึงปัญหานี้ว่าคุณภาพการศึกษากำลังเป็นจุดวิกฤตของระบบการศึกษาไทย การจัดการเรียนการสอนยังมุ่งเน้นการท่องจำเพื่อสอบมากกว่าการสอนให้รู้จักคิด วิเคราะห์ การแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังไม่สามารถปลูกฝังให้ผู้เรียนรักที่จะเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของโลกยุคข้อมูลข่าวสารหรือสังคมแห่งการเรียนรู้ ซึ่งสอดคล้องกับ ประเวศ วะสี ในฐานะนักวิชาการที่มีบทบาทสำคัญ ในการปฏิรูปการศึกษาของไทยคนหนึ่งในปัจจุบันได้กล่าวถึงปัญหาการศึกษาของไทยไว้ดังนี้ (ประเวศ วะสี. 2537 : 37)
“การเรียนการสอนของไทยในสถาบันการศึกษาทุกระดับตั้งแต่อนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย เป็นการศึกษาที่สร้างความอ่อนแอทางสติปัญญา หรือสร้างคนที่พิการปัญญา และทำลายศักยภาพในการเรียนรู้สร้างคนที่ขาดความรู้ ไม่มีความรู้จริง คิดไม่จริง ทำอะไรไม่เป็น ขาดความรักในหัวใจ ไม่มีฉันทะ และขาดความสามารถในการสร้างความรู้ ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม...”
หลายคนคงจำได้ว่าในช่วงกลางปี 2540 สถาบันการศึกษายังตกเป็นจำเลยทางสังคมในกรณีวิกฤตทางเศรษฐกิจของประเทศ ในข้อหาไร้สมรรถภาพในการเตรียมคนของชาติให้มีความพร้อมในการแข่งขันกับนานาชาติได้ สถาบันการศึกษาในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากสังคมในการจัดการศึกษาให้แก่สมาชิกในสังคมคงต้องปฏิรูปตนเองเพื่อให้การจัดการศึกษาของไทยเป็นไปอย่างมีคุณภาพยิ่งขึ้น ปัญหาการจัดการศึกษาของไทยเกิดจากหลายสาเหตุ และเกี่ยวกับบุคคลหลายฝ่าย อย่างไรก็ตามเราไม่ควรไปโทษใคร หรือค้นคว้าว่าใครผิดใครถูก แต่เราควรตระหนักว่าบัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเอาจริงเอาจังกับการปรับปรุงงคุณภาพการจัดการศึกษาของไทย
การสร้างคุณภาพจึงเป็นเรื่องที่นักบริหารจะต้องสร้างให้ได้ ด้วยการสร้างคนให้มีคุณภาพโดยการสร้างคนให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง และสร้างคนให้มีสำนึกแห่งคุณภาพในหน้าที่ ที่ตนรับผิดชอบอยู่เพราะเมื่อคนมีคุณภาพ องค์กรก็จะมีคุณภาพตามไปด้วย
คุณภาพอาจนิยามความหมายได้ คือ คุณลักษณะและประโยชน์ของการใช้งานโดยรวมของผลิตภัณฑ์ที่จะทำให้สามารถตอบสนองการใช้งานได้ ความเหมาะสมสำหรับการใช้งานสอดคล้องเหมาะสมกับความต้องการ ส่วนประกอบทั้งหมดของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ทั้งด้านการตลาด วิศวกรรม การผลิตและการซ่อมบำรุงที่ตรงกับความคาดหวังและความต้องการของลูกค้า สอดคล้องกับมาตรฐานซึ่งเป็นที่ต้องการและความคาดหวังของลูกค้า
สรุปได้ว่า คุณภาพ คือ ลักษณะดีเด่นของผลงานที่ได้มาตรฐานซึ่งตอบสนองต่อความต้องการ และความคาดหวังของลูกค้า เป็นการตอบสนองความต้องการที่แท้จริงไม่ใช่ความอยากของลูกค้าซึ่งเป็นความต้องการที่ผิวเผิน คุณภาพจึงไม่ใช่แค่ทำงานให้ไม่บกพร่อง ไม่มีปัญหาหรือไม่ผิดพลาดเท่านั้น แต่ต้องทำให้ลูกค้าเกิด ความรู้สึก ยอมรับ อยากได้และชื่นชม ด้วย ลูกค้าจะต้องได้รับทั้งคุณภาพที่พึงต้องมีและคุณภาพที่ดึงดูดใจ จึงจะเกิดความรู้สึกพึงพอใจได้
การประกันคุณภาพจึงมีความสำคัญ เพราะเป็นการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ความพึงพอใจของลูกค้าคือเหตุผลที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ ผู้ผลิตจึงต้องผลิตสินค้าหรือบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า เพื่อให้สินค้าหรือบริการเป็นที่ยอมรับและเลือกซื้อ
การประกันคุณภาพสามารถส่งมอบได้ตามกำหนด สินค้าหรือบริการที่ส่งมอบได้ทันตามกำหนดเวลาโดยมีคุณสมบัติครบถ้วน จะนำมาซึ่งความพึงพอใจของลูกค้า เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อบริการในครั้งต่อไป
การประกันคุณภาพช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ถ้าผลิตสินค้ามีคุณภาพไม่มีของเสีย ไม่มีปัญหาในการผลิต การส่งมอบตรงเวลา ฝ่ายบริหารก็พอใจ พนักงานก็มีกำลังใจในการทำงานมีความสุขกับงาน สินค้าขายดีมีกำไรผลประโยชน์ต่างๆ และสวัสดิการก็ดีขึ้น ทำให้ทุกคนที่มีส่วนร่วมและเกี่ยวข้องกับหน่วยงานมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
การประกันคุณภาพ คือ กิจกรรมอย่างเป็นระบบ ที่ได้ปฏิบัติโดยผู้ผลิต เพื่อรับรองว่าคุณภาพที่ลูกค้าเรียกร้องนั้นเป็นที่พอใจโดยสมบูรณ์
การประกันคุณภาพ(Quality Assurance) เป็นระบบในการควบคุมตรวจสอบและตัดสินคุณภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด ในระบบการประกันคุณภาพจะมีการกำหนดเกณฑ์หรือเงื่อนไขแห่งคุณภาพ มีการควบคุมให้เกิดการปฏิบัติตามเกณฑ์ มีการตรวจสอบมาตรฐานการปฏิบัติ และมีการตัดสินว่างานหรือกิจกรรมบรรลุตามเกณฑ์หรือไม่
ดังนั้น การประกันคุณภาพ (Quality Assurance) จึงเป็นกระบวนการหรือการดำเนินงานอย่างเป็นระบบเพื่อผลิตสินค้า หรือให้บริการที่มีความเป็นเลิศตามมาตรฐาน หรือตรงตามความต้องการของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ โดยมีระบบในการควบคุมตรวจสอบและตัดสินคุณภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด และในระบบการประกันคุณภาพจะมีการกำหนดเกณฑ์หรือเงื่อนไขแห่งคุณภาพ มีการควบคุมให้เกิดการปฏิบัติตามเกณฑ์ มีการตรวจสอบมาตรฐานการปฏิบัติ และมีการตัดสินว่างานหรือกิจกรรมบรรลุตามเกณฑ์หรือไม่
พัฒนาการของการประกันคุณภาพเริ่มต้นในประเทศสหรัฐอเมริกาในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่สองโดยเน้นเฉพาะการประกันผลผลิตทางอุตสาหกรรม (Industrial Products) และเน้นการควบคุมทางสถิติ การควบคุมคุณภาพสินค้าทำให้ระบบอุตสาหกรรมของสหรัฐอเมริกาได้รับความเชื่อถือว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพสามารถส่งออกไปขายได้ทั่วโลก
หลังสงครามโลกครั้งที่สองญี่ปุ่นแพ้สงครามสินค้าอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นมีคุณภาพต่ำมากจึงมีความพยามยามที่จะพัฒนาเทคนิคการบริหารงานเพื่อให้เกิดคุณภาพสินค้าอุตสาหกรรมโดยอาศัยความรู้จากประเทศตะวันตกโดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1950 ญี่ปุ่นได้เชิญ ศาสตราจารย์ ดร.เดมิ่ง (Edwards Deming) มาเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำเรื่องการประกันคุณภาพสินค้าของญี่ปุ่น โดยเน้นให้ผลิตสินค้าที่ตรงความต้องการของลูกค้า แล้วจะขายของได้ดีเอง ด้วยต้นทุนที่ต่ำ
ศาสตราจารย์ ดร.เดมิ่ง(Edwards Deming) ได้นำเรื่อง “วงจรคุณภาพ” (Quality Control Circles - QCC) ซึ่งเน้นกระบวนการวางแผน กระบวนการดำเนินงาน กระบวนการประเมิน และกระบวนการปรับแผน (PDCA) เข้าไปแนะนำและวางระบบให้กับอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นจนประสบความสำเร็จ สามารถพัฒนาจากการประกันคุณภาพที่เน้นเฉพาะสินค้า ไปสู่การประกันคุณภาพทั้งระบบ ตั้งแต่เริ่มกระบวนการผลิตจนเป็นสินค้า ซึ่งเรียกว่า “ กระบวนการบริหารคุณภาพทั้งระบบ ” (Total Quality Management - TQM)
ญี่ปุ่นเน้นการพัฒนาคน ฝึกคนให้มีความรู้ มีความคิดที่เป็นระบบ (มีความคิดแบบ Plan Do Check Action) ยอมรับความผิดพลาด ไม่โทษซึ่งกันและกัน แต่ทำงานร่วมกันเป็นทีม ใช้สถิติมาช่วยในการตัดสินใจมากกว่าใช้ความรู้สึก ยึดการบริหารแบบทุกคนมีส่วนร่วม โดยยึดหลักการที่ว่าการบริหารคุณภาพต้องให้ทุกคนในองค์กรมีส่วนร่วม ให้ผู้รับเหมาช่วง ให้ลูกค้า ผู้เกี่ยวข้อง(Stake holder) มีส่วนร่วมในการบริหารคุณภาพ เพื่อให้ลูกค้าได้สิ่งที่เขาพึงพอใจ
ต่อมากลุ่มประเทศในยุโรป ก็ได้เริ่มนำระบบการประกันคุณภาพมาใช้ เรียกว่า International Standard Organization หรือเรียกว่า ISO 9000 เพื่อให้ผู้ผลิตสินค้าเห็นความสำคัญของระบบบริหารงานคุณภาพ ISO 9000 เพราะเป็นเสมือนหนังสือเดินทาง (Passport) ที่จะทำให้ผลิตสามารถส่งสินค้าเข้ากลุ่มประเทศยุโรปได้
การประกันคุณภาพเป็นมาตรการหนึ่งที่ได้ช่วยพัฒนาคุณภาพสินค้าอุตสาหกรรม และบริการจนเป็นผลสำเร็จ การนำระบบประกันคุณภาพมาใช้ในวงการศึกษาได้ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงกระบวนการมากกว่าการมองปัญหาที่ตัวบุคคล โดยมีแนวความคิดสำคัญในการพัฒนาระบบประกันคุณภาพคือ กระบวนการบริหารคุณภาพทั้งระบบ หรือการบริหารคุณภาพแบบเบ็ดเสร็จ (TQM : Total Quality Management) โดยมีหลักการที่สำคัญ คือ มุ่งเน้นที่คุณภาพ (Quality Oriented) ปรับปรุงกระบวนการ (Process Improvement) ทุกคนในองค์กรมีส่วนร่วม (Total Involvement)
นอกจากนี้ยังมีแนวคิดเกี่ยวกับหลักการบริหารคุณภาพของเดมมิ่ง 14 ข้อ ซึ่งเป็นแนวทางใหม่เพื่อการพัฒนาคุณภาพให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอในองค์กรธุรกิจอุตสาหกรรม เพื่อความอยู่รอดและสามารถแข่งขันในตลาดได้ วงจรเดมมิ่งทั้ง 14 ข้อนี้ต้องศึกษาหลักการบริหารคุณภาพทั้ง 14 ข้อให้เข้าใจ เพื่อเป็นพื้นฐานสำคัญของการสร้างคุณภาพในองค์กร สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม จะทำให้องค์กรมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ
มีหลักการของ Benchmarking ที่เป็นกระบวนการหนึ่งในการดำเนินธุรกิจที่ทำให้เรารู้จักองค์กรของเราเอง แล้ววิเคราะห์ว่าองค์กรของเราเป็นอย่างไร อยู่ที่ใด โดยการเปรียบเทียบกับองค์กรที่เหนือกว่า เมื่อได้ข้อแตกต่างจากการเปรียบเทียบผู้ร่วมงานในองค์กรจะทำการกำหนดวิธีในการปรับประบวนการต่าง ๆ ทางธุรกิจเพื่อให้องค์กรอยู่ในระดับแนวหน้าเท่ากับ หรือดีกว่าองค์กรที่เหนือกว่าเราในปัจจุบัน โดยมีหลักเบื้องต้น คือ รู้สถานการณ์ดำเนินงานตัวเองโดยการประเมินจุดแข็ง จุดอ่อน แล้วทำความรู้จักอุตสาหกรรมชั้นนำต่างๆ นำความสามารถของบริษัทชั้นนำนั้นมาเปรียบเทียบกับความสามารถของบริษัทของตัวเอง เพื่อหาความสามารถที่แตกต่าง แล้วจึงนำวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานโดยผสมผสานสิ่งที่ดีเข้าด้วยกัน
การประกันคุณภาพ (Quality Assurance) หมายถึง กิจกรรมการบริหารคุณภาพในส่วนที่มุ่งทำให้เกิดความมั่นใจว่าจะบรรลุข้อกำหนดทางด้านคุณภาพ ตามนัยจากคำนิยามดังกล่าวข้างต้นนี้ การดำเนินการส่วนใดที่เป็นไปในลักษณะมุ่งกระทำให้เกิดผลที่บนชิ้นงานผลิตภัณฑ์ หรือบริการอย่างเจาะจง แล้วตรวจสอบทดสอบผลการดำเนินการ รวมทั้งกิจกรรมอื่นๆ ที่จะทำให้ชิ้นงานผลิตภัณฑ์หรือบริการมีคุณลักษณะตามที่กำหนดไว้ เราเรียกการดำเนินการทั้งหมดนั้นว่า การควบคุมคุณภาพ การดำเนินการส่วนใดที่เป็นไปในลักษณะเพื่อจะสร้างความเชื่อมั่น ให้แก่กระบวนการผลิต หรือกระบวนการให้บริการ โดยมิได้มุ่งกระทำเพียงแค่ที่ตัวชิ้นงานผลิตภัณฑ์ หรือการบริการเท่านั้นหากแต่มุ่งที่จะสร้างความมั่นใจ ตั้งแต่ก่อนจะลงมือดำเนินการผลิต หรือให้บริการ ว่าผลของการผลิต หรือให้บริการนั้นๆ จะบรรลุข้อกำหนดทางด้านคุณภาพ ได้อย่างแน่นอน เราเรียกการดำเนินการในลักษณะเช่นนี้ว่า "การประกันคุณภาพ"
ในวันที่ 14 ตุลาคม 2540 ได้มีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540 และต่อมาในวันที่ 14 สิงหาคม 2542 ประเทศไทยก็มีพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 ซึ่งเป็นกฎหมายแม่บทการปฏิรูปการศึกษาของประเทศไทย ทั้งนี้เพราะพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติเป็นกฎหมายที่ว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งเปรียบเสมือนไฟส่องนำทางสำคัญของการปฏิรูปการศึกษา ในกฎหมายได้กำหนดระบบประกันคุณภาพไว้ในมาตรา 6 มาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา โดยมีสาระสำคัญของพระราชบัญญัติตามมาตราต่าง ๆ ดังนี้
มาตรา ๔๗ ให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา
ทุกระดับ ประกอบด้วย ระบบการประกันคุณภาพภายใน และระบบการประกันคุณภาพภายนอก
ระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๔๘ ให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายใน
สถานศึกษาและให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจัดทำรายงานประจำปี เสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษาและเพื่อรับรองการประกันคุณภาพภายนก
ทุกระดับ ประกอบด้วย ระบบการประกันคุณภาพภายใน และระบบการประกันคุณภาพภายนอก
ระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๔๘ ให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายใน
สถานศึกษาและให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจัดทำรายงานประจำปี เสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษาและเพื่อรับรองการประกันคุณภาพภายนก
มาตรา ๔๙ ให้มีสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา มีฐานะเป็น
องค์การมหาชนทำหน้าที่พัฒนาเกณฑ์ วิธีการประเมินคุณภาพภายนอก และทำการประเมินผลการ
จัดการศึกษาเพื่อให้มีการตรวจสอบคุณภาพของสถานศึกษาโดยคำนึงถึงความมุ่งหมายและหลักการ และแนวการจัดการศึกษาในแต่ละระดับตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ให้มีการประเมินผลคุณภาพภายนอกของสถานศึกษาทุกแห่งอย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุกห้าปีนับตั้งแต่การประเมินครั้งสุดท้ายและเสนอผลการประเมินต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณชน
องค์การมหาชนทำหน้าที่พัฒนาเกณฑ์ วิธีการประเมินคุณภาพภายนอก และทำการประเมินผลการ
จัดการศึกษาเพื่อให้มีการตรวจสอบคุณภาพของสถานศึกษาโดยคำนึงถึงความมุ่งหมายและหลักการ และแนวการจัดการศึกษาในแต่ละระดับตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ให้มีการประเมินผลคุณภาพภายนอกของสถานศึกษาทุกแห่งอย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุกห้าปีนับตั้งแต่การประเมินครั้งสุดท้ายและเสนอผลการประเมินต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณชน
มาตรา ๕๐ ให้สถานศึกษาให้ความร่วมมือในการจัดเตรียมเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่มีข้อมูล
เกี่ยวข้องกับสถานศึกษา ตลอดจนให้บุคลากร คณะกรรมการของสถานศึกษา รวมทั้งผู้ปกครองและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานศึกษาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนที่พิจารณาเห็นว่า เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติภารกิจของสถานศึกษา ตามคำร้องขอของสำนักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพการศึกษาหรือบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกที่สำนักงานดังกล่าวรับรอง ที่ทำการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษานั้น
มาตรา ๕๑ ในกรณีที่ผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษาใดไม่ได้ตามมาตรฐานที่กำหนด
ให้สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา จัดทำข้อเสนอแนะการปรับปรุงแก้ไข
ต่อหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อให้สถานศึกษานั้นปรับปรุงแก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนด หากมิได้ดำเนินการดังกล่าวให้สำนักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพการศึกษา รายงานต่อคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือคณะกรรมการการอุดมศึกษา เพื่อดำเนินการให้มีการปรับปรุงแก้ไข
เกี่ยวข้องกับสถานศึกษา ตลอดจนให้บุคลากร คณะกรรมการของสถานศึกษา รวมทั้งผู้ปกครองและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานศึกษาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนที่พิจารณาเห็นว่า เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติภารกิจของสถานศึกษา ตามคำร้องขอของสำนักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพการศึกษาหรือบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกที่สำนักงานดังกล่าวรับรอง ที่ทำการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษานั้น
มาตรา ๕๑ ในกรณีที่ผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษาใดไม่ได้ตามมาตรฐานที่กำหนด
ให้สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา จัดทำข้อเสนอแนะการปรับปรุงแก้ไข
ต่อหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อให้สถานศึกษานั้นปรับปรุงแก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนด หากมิได้ดำเนินการดังกล่าวให้สำนักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพการศึกษา รายงานต่อคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือคณะกรรมการการอุดมศึกษา เพื่อดำเนินการให้มีการปรับปรุงแก้ไข
จะเห็นได้ว่า การประกันคุณภาพการศึกษามีความสัมพันธ์ และสอดคล้องกับเป้าหมายการศึกษาที่พัฒนามาโดยลำดับ นับตั้งแต่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) พ.ศ.2543 มาตรฐานการศึกษาเพื่อการประเมินภายนอกระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
การประกันคุณภาพภายใน เป็นกระบวนการบริหารจัดการที่มีการพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนมีคุณภาพ ซึ่งเป็นภารกิจที่สถานศึกษาจะต้องทำ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มีสาระบัญญัติที่กำหนดให้สถานศึกษาทุกแห่งมีการประกันคุณภาพภายใน และให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหาร ที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐาน สถานศึกษาจะดำเนินการประเมินตนเอง พัฒนาปรับปรุงตนเอง และเก็บรายงานการประเมินตนเองไว้เป็นหลักฐาน เมื่อผู้ประเมินจากภายนอกเข้าไปตรวจเยี่ยมก็จะดูจากรายงานนั้น โดยสถานศึกษาไม่ต้องสร้างรายงานขึ้นมาใหม่อีก ส่วนการประกันคุณภาพภายนอก เป็นการประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายนอก โดยสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาหรือบุคคล หรือหน่วยงานภายนอกที่สำนักงานดังกล่าวรับรอง เพื่อเป็นการประกันคุณภาพและให้มีการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
แนวคิดด้านการบริหารคุณภาพแบบเบ็ดเสร็จ (Total Quality Management - TQM) การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันโดยการทำ Benchmarking หลักการบริหารคุณภาพของเดมมิ่ง (Deming Cycle) ปรากฏในการประกันคุณภาพการศึกษาในส่วนของกระบวนการประกันคุณภาพภายใน ซึ่งจะประกอบด้วย การควบคุมคุณภาพ การพัฒนาคุณภาพ การติดตามตรวจสอบ การประเมินคุณภาพ เนื่องจากเป็นการบริหารคุณภาพที่ให้บุคลากรในทุกสายงานทุกระดับมีส่วนร่วมในการบริหารคุณภาพ โดยมีปรัชญา 3 ประการ คือ ความมีส่วนร่วมทั่วทั้งองค์กร โดยในระดับพนักงานจะต้องมีการควบคุมคุณภาพด้วยตนเอง ความมีระบบซึ่งหมายถึง การบริหารภายใต้แนวคิดที่สามารถสอบกลับได้ โดยอาศัยแนวคิดของเกลียวคุณภาพและการตัดสินใจด้วยข้อเท็จจริง ภายใต้ปรัชญาทั้ง 3 ประการ ผู้บริหารสูงสุดขององค์กรจะต้องทำการกำหนดรูปแบบการบริหารภายใต้หลักการที่สำคัญ 4 ประการ คือ การบริหารที่มุ่งเน้นลูกค้า ความเป็นเลิศด้านทรัพยากรมนุษย์ ความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ และความเป็นเลิศทางการบริหาร หลักการทั้ง 4 จะมีผลต่อประสิทธิภาพของการบริหารคุณภาพ
สภาพการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพการศึกษาในสถานศึกษานั้น สถานศึกษาจะต้องดำเนินการพัฒนาระบบประกันคุณภาพการศึกษาโดย กำหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาเพื่อเป็นเกณฑ์หรือสภาพที่ต้องการให้เกิด ทั้งสภาพปัจจัย วิธีดำเนินงานโดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาชาติ เขตพื้นที่การศึกษา โดยมุ่งเน้นให้สอดคล้องกับเอกลักษณ์ของสถานศึกษา สภาพชุมชนและศักยภาพของสถานศึกษา
จัดระบบบริหารและสารสนเทศโดยจัดโครงสร้างการบริหารที่นำระบบ และกลไกประกันคุณภาพภายในไว้ในโครงสร้างการบริหาร และกำหนดบุคคลผู้รับผิดชอบงานประกันคุณภาพภายใน ดำเนินการประกันคุณภาพตั้งแต่การวางแผน ดำเนินการตามแผน ติดตามตรวจสอบคุณภาพ และจัดทำรายงานประจำปีของสถานศึกษา วางแผนการเก็บข้อมูลตั้งแต่ต้นปีการศึกษาและหมั่นตรวจสอบให้เป็นปัจจุบัน สามารถสรุปข้อมูลรายงานผู้รับผิดชอบในการดูแลกำกับข้อมูลเป็นรายเดือน รายภาคเรียน เมื่อทำรายงานประจำปีทำให้ได้ข้อมูลไปใช้ได้ง่ายและรวดเร็ว สามารถนำข้อมูลมาใช้ในการบริหารการเรียนการสอน เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารและผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา สามารถรองรับการประเมินจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งจากภายในและภายนอกหน่วยงาน
ทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่มุ่งเน้นคุณภาพการศึกษา โดยคำนึงถึงหลักการกระจายอำนาจ การมีส่วนร่วม ภาระความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ และสามารถนำไปสู่การปฏิบัติจริง โดยการนำผลการประเมินคุณภาพภายใน และผลการประเมินคุณภาพภายนอกรวมทั้งวิเคราะห์สภาพปัจจุบัน ปัญหาและความจำเป็นมาเป็นเป้าหมายในการพัฒนา เพื่อพัฒนาวิสัยทัศน์ จัดทำเป็นกลยุทธ์นำไปสู่โครงการ กิจกรรม และตัวบ่งชี้
การดำเนินงานตามแผนพัฒนาการศึกษา เป็นการบริหารแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา ผู้บริหารจะเป็นผู้กำกับดูแลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด ติดตามตรวจสอบ และปรับปรุงการดำเนินงานตามแผนอย่างจริงจัง ตั้งแต่เริ่มดำเนินการจนเสร็จสิ้นตามแผนงาน โครงการ กิจกรรม
การตรวจสอบและทบทวนคุณภาพการศึกษาสถานศึกษา แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบและทบทวนคุณภาพภายในสถานศึกษาทุกปี ตามแผนงาน โครงการ กิจกรรม หรือตามมาตรฐานด้านปัจจัย มาตรฐานกระบวนการ และมาตรฐานด้านผลผลิตเพื่อตรวจสอบว่าผลการดำเนินการเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นอย่างไร หลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้เป็นอย่างไร
การประเมินคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด สถานศึกษากำหนดให้มีการประเมินคุณภาพภายในตามมาตรฐานที่กำหนด เป็นการประเมินตนเอง โดยแต่งตั้งบุคคลจากภายในมาประเมินตามมาตรฐานที่กำหนด ผลจากการประเมินจะนำไปจัดทำรายงานประจำปี เสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณชน
การรายงานคุณภาพการศึกษาประจำปี สถานศึกษาจัดทำรายงานประจำปี ตามมาตรา 48พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 เพื่อเสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัดและสาธารณชน และรองรับการประกันคุณภาพภายนอก ที่ระบุความสำเร็จตามเป้าหมายในแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา พร้อมหลักฐานข้อมูลและผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ในทุกระดับ ทุกช่วงชั้นตามกลุ่มสาระการเรียนรู้
การพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง สถานศึกษานำหลักวงจรคุณภาพมาเป็นกรอบในการพัฒนา โดยการพิจารณาผลการรายงานประจำปี ถ้าเป็นโครงการที่ดีก็ดำเนินการต่อไป ถ้าหากมีข้อบกพร่องก็ให้ปรับปรุงแก้ไข หากพิจารณาแล้วไม่เกิดประโยชน์หรือไม่คุ้มค่าอาจไม่ดำเนินโครงการนั้นต่อไป การพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่องต้องสร้างให้เกิดวัฒนธรรมคุณภาพในองค์กร และเป็นองค์กรแห่งความรู้ บุคคลในองค์กรจะต้องมีความศรัทธาและเกิดความตระหนักเห็นคุณค่าของการพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง โดยจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่เรียกว่า การจัดการความรู้ (Knowledge Management) ภายในองค์กร และการสร้างเครือข่ายกับสถานศึกษาอื่น เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา และมาตรฐานการศึกษา
การประเมินภายนอกเพื่อการรับรองมาตรฐานการจัดการศึกษานั้น สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ได้กำหนดขั้นตอนการตรวจเยี่ยมสถานศึกษาดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ก่อนการตรวจเยี่ยมสถานศึกษา ผู้ประเมินภายนอกรวบรวมข้อมูลที่สถานศึกษาจัดส่งมาให้สำนักงานรับรองมาตรฐาน ล่วงหน้า ทำการศึกษาวิเคราะห์รายงานและเอกสารรายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษากำหนดประเด็นและรายการข้อมูลที่จะตรวจสอบ และวางแผนว่าจะต้องรวบรวมข้อมูลอะไรเพิ่มเติม จากแหล่งใด ด้วยวิธีอะไร
ขั้นตอนที่ 2 ระหว่างการตรวจเยี่ยมสถานศึกษา คณะผู้ประเมินภายนอกเข้าไปตรวจเยี่ยมในลักษณะกัลยาณมิตร ทำการประเมินคุณภาพสถานศึกษาทั้งด้านการจัดการเรียนการสอนและการบริหาร ตามที่กำหนดในมาตรฐานการศึกษาชาติ เพื่อยืนยันว่าผลการประเมินตนเองของสถานศึกษานั้นมีความถูกต้องหรือไม่ มีเหตุผลและหลักฐานสนับสนุนเพียงพอหรือไม่ โดยผู้ประเมินจะประชุมร่วมกับบุคลากรของโรงเรียน สังเกตการเรียนการสอน สัมภาษณ์พูดคุยผู้เกี่ยวข้อง เช่น ผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครอง ผู้แทนชุมชน กรรมการสถานศึกษา และบันทึกข้อมูลตามที่ปรากฏ เมื่อได้ข้อมูลครบ คณะผู้ประเมินจะนำข้อมูลหรือข้อค้นพบที่ได้มาอภิปรายร่วมกัน เพื่อวิเคราะห์สรุปผลตามมาตรฐานและให้ข้อเสนอแนะ แล้วนำเสนอผลแก่บุคลากรของสถานศึกษาด้วยวาจาเพื่อรับฟังความคิดเห็น และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และให้โอกาสสถานศึกษาชี้แจงในกรณีที่เห็นว่าข้อค้นพบไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ข้อค้นพบที่รายงานจะต้องเป็นผลจากการประชุมร่วมกันของผู้ประเมินทั้งคณะ
ขั้นตอนที่ 3 หลังการตรวจเยี่ยมสถานศึกษา คณะผู้ประเมินร่วมกันจัดทำร่างรายงานผลการประเมินสถานศึกษา โดยนำข้อมูลทั้งหมดมาเขียนให้ตรงตามหลักฐานข้อมูลต่างๆ ที่รวบรวมได้ และตรงตามที่ได้รายงานให้สถานศึกษาทราบด้วยวาจา แล้วส่งรายงาน ฯ ให้ผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับแต่งตั้งจาก สมศ. พิจารณาความถูกต้องชัดเจน ครบถ้วน และความเชื่อถือได้ เพื่อปรับปรุงแก้ไขตามความจำเป็นจากนั้นจึงจัดส่งรายงานให้สถานศึกษาตรวจสอบและโต้แย้งภายใน 15 วัน หลังจากพิจารณาข้อโต้แย้ง อาจมีการแก้ไขเพิ่มเติมหรือยืนยันตามรายงาน จากนั้นนำเสนอ สมศ. เพื่อให้การรับรองและเผยแพร่ต่อไป
วิธีคิดใหม่ของการประกันคุณภาพการศึกษา
สมศ. เป็นผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาโดยผ่านบริษัทประเมินต่างๆ มิได้ขึ้นกับกระทรวงศึกษาธิการแต่ขึ้นกับนายกรัฐมนตรีโดยตรง บริหารโดยคณะกรรมการซึ่งได้มีการเลือกสรรอย่างอิสระ การดำเนินงานต้องเป็นอิสระจากระบบราชการ ไม่มีใครกำหนดได้ว่าโรงเรียนนั้นมีชื่อเสียงเท่าใด ได้รับการประกันหรือไม่ได้รับการประกัน เป็นการตัดสินใจที่เป็นอิสระของผู้ประเมินเอง แม้กระทั่งผู้อำนวยการของสถาบันก็ได้มาจากการเลือกสรรของคณะกรรมการ มีอายุการทำงาน 4 ปี ระบบได้วางไว้ให้องค์กรนี้เป็นองค์กรอิสระอย่างชัดเจน ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับระบบการศึกษาโดยตรง
ฉะนั้น การประเมินถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งใหม่ทุกสิ่งเกิดขึ้นมักจะมีข้อขัดข้องเราต้องเรียนรู้ปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเราริเริ่มการประกันการศึกษา ทั้งระบบโดยใช้กฎหมาย ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกอาจมิดำเนินการแบบประเทศไทย โดยดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน เริ่มจากประกันคุณภาพแบบสมัครใจก่อน ค่อยมาเป็นกฎหมาย แต่บ้านเราเริ่มต้นการเป็นกฎหมาย ทุกคนยังไม่มีประสบการณ์ว่าการประกันคุณภาพคืออะไร สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเกือบจะครบวงรอบ 5 ปี มีปัญหามากมาย สิ่งที่เกิดขึ้น คือ เมื่อมีมาตรฐานออกมาคือ 27 มาตรฐาน ซึ่งใน 5 ปีแรกเราใช้ 14 มาตรฐาน โรงเรียนได้รับการบอกเล่าว่าต้องได้รับการประเมินมาตรฐานของตนเอง หากโรงเรียนต้องประเมินมาตรฐานของตนเอง โรงเรียนจะมอบให้แต่ละกลุ่ม แต่ละคนรับไปดำเนินการ บางโรงเรียนให้บุคลากรรับไปทีละ 1 มาตรฐาน บางโรงเรียนอาจให้บุคลากรรับไปตามตัวบ่งชี้ ต้องทำการประเมิน โรงเรียนจะท่วมไปด้วยการประเมิน ทำการประเมินใหม่และจัดทำรายงาน และขอให้ผู้ประเมินจากภายนอกมายืนยัน ในรอบแรก สมศ.ใช้ชื่อว่า การประเมินสภาพจริง เป็นการประเมินพิเศษ เพราะการประเมินทั่วโลก นั้นหมายถึง ประเมินเพื่อรับรองว่ามีคุณภาพตามมาตรฐานทุกมาตรฐานเป็นลักษณะที่เรียกว่า All all non คือได้รับหรือไม่ได้รับรองซึ่งเรื่องนี้น่าจะเกิดในวงจรหน้าหลังจากปี 2548 ในวงจร 5 ปีแรกจะเป็นในลักษณะการนำร่องพิเศษก่อน คือการประเมินตามสภาพจริง โรงเรียนอาจจะไม่มีคุณภาพตามมาตรฐานก็ไม่เป็นไร ให้ประเมินตนเองออกมาให้ได้ บรรยากาศเช่นนี้มีข้อดีหลายอย่างที่ทำให้โรงเรียนเริ่มรู้จักการประเมินทำให้โรงเรียนเริ่มสำรวจว่าตนเองอยู่ในสภาพเช่นไร
แผนภูมิที่ 1 เปรียบเทียบการประกันคุณภาพการศึกษาที่เป็นอยู่และที่ควรจะเป็น
แต่มีข้อเสียเกิดขึ้นเช่นกัน ข้อเสียที่สถาบันวิจัยค้นพบมี 3 ประการที่สำคัญ คือ แนวโน้มจะเกิดการประเมินคุณภาพเป็นจุดหลัก และจะประเมินคุณภาพแบบแยกส่วนคือ แยกไปตามรายมาตรฐาน ทั้งที่หลายมาตรฐานอาจต้องทำงานร่วมกันในงานเดียวกันหรือกิจกรรมเดียวกัน แต่เนื่องจากโรงเรียนส่วนใหญ่ประเมินตามมาตรฐาน สิ่งที่ต้องได้รับคำชี้แจงคือ ประเมินรายมาตรฐาน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ปรากฏโดยทั่วไป คือมีการประเมินเป็นหลักและแยกส่วน เอามาตรฐานและตัวบ่งชี้แยกเป็นตัว ๆ ไป ได้ทำให้เกิดการพัฒนาคุณภาพในลักษณะขาดความต่อเนื่องว่าโรงเรียนจะทำการปรับปรุงตัวเองให้มากที่สุด ขณะรอการประเมิน เพราะฉะนั้นผลสุดท้ายการประกันคุณภาพมิได้บรรลุวัตถุประสงค์ในการที่ทำให้โรงเรียนจัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพและยั่งยืนสมกับที่ได้กล่าวไว้ในความเป็นมาสิ่งที่ควรจะเป็นคือ การเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ไม่ต้องแยกส่วน ไม่เอาตามรายมาตรฐาน และ ตัวบ่งชี้ ท่านคงนึกว่า ถ้าไม่เอาตามนั้นแล้วจะใช้วิธีอย่างไร สิ่งที่ทำมีอยู่ 3 ประการ หนึ่ง เอาระบบเป็นตัวตั้ง โดยมาตรฐานและตัวบ่งชี้จะต้องจัดเป็นกลุ่มตามระบบสำคัญ ๆ เอาระบบเป็นตัวตั้งในการประกันคุณภาพภายในและเอาระบบเป็นตัวตั้งการประเมินคุณภาพภายนอก สอง การที่โรงเรียนจะพัฒนาโดยเอาระบบเป็นตัวตั้งจะต้องอาศัยระยะเวลาและโรงเรียนต้องอาศัยการชี้นำขององค์กร มีผู้นำ มียุทธศาสตร์ที่ดี ถ้าขาดยุทธศาสตร์การพัฒนาโรงเรียนที่ดีและเอามาใช้งานได้จริงย่อมที่จะประสบความสำเร็จได้ยาก สาม การประกันคุณภาพเกิดจากความมุ่งมั่นของครู อาจารย์ทุกคนก่อนที่จะพูดถึงการมีส่วนร่วมที่กว้างกว่า เช่น การมีส่วนร่วมของนักเรียน การมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง การมีส่วนร่วมของชุมชน อันดับหนึ่งการมีส่วนร่วมของครูในโรงเรียนเอง
คุณภาพการศึกษากับความคิดเชิงระบบ
ถ้าอยู่สายบริหารการศึกษาคงได้ยินคำว่า " ระบบ " บ่อยๆ ในความหมายว่า คือ Input Process
Output แต่ระบบยังความหมายอีก 3 ประการ
1. หนึ่งองค์กรหลายระบบ องค์กรประกอบด้านหลายระบบที่ปฏิสัมพันธ์กัน เพื่อเป้าหมายขององค์กร
2. ระบบที่ดี ระบบคุณภาพ แต่ละระบบจะมีกระบวนการต่าง ๆ ซึ่งประกอบด้วยชุดกิจกรรมบุคลิกภาพ ดำเนินการอย่างต่อเนื่องสัมพันธ์กัน ระบบคุณภาพช่วยวางระบบให้ดำเนินการอย่างมีคุณภาพสม่ำเสมอ
3. ข้อมูลย้อนกลับของระบบ นำไปสู่การปรับปรุงบนข้อเท็จจริง ระบบที่ดีจะมีข้อมูลและสารสนเทศซึ่งให้ข้อมูลป้อนกลับที่นำไปสู่การปรับปรุงระบบความคิดเชิงระบบประการที่ 1 สะท้อนให้เห็นว่าองค์กรประกอบด้วยระบบที่สัมพันธ์กันอย่างในงานวิจัยพบว่า โรงเรียนประกอบด้วยระบบที่สัมพันธ์กัน 10 ระบบ ซึ่งโรงเรียนเล็ก โรงเรียนใหญ่อาจจะมีการจัดระบบแตกต่างกันในรายละเอียด แต่จะมีภาพรวมคล้ายกันดังในแผนภูมิที่ 2
แผนภูมิที่ 2 : หนึ่งโรงเรียนหลายระบบ
จะเห็นว่ามีการแบ่งประเภทเป็นระบบหลัก และระบบสนับสนุน ระบบหลักคือ ระบบที่ทำหน้าที่ให้เกิดผลตามวิสัยทัศน์ทัศน์และพันธกิจของโรงเรียนในที่นี้คือโรงเรียนคาดหวังว่าจะผลิตนักเรียนตามมาตรฐาน 11 มาตรฐานผลผลิตชั้นข้อหนึ่งคือ นักเรียนของเรามีคุณลักษณะที่เขียนไว้ในรายละเอียดของตัวบ่งชี้ คือ คนที่มีความซื่อสัตย์ เป็นคนที่มีเมตตากรุณารู้จักถูกผิดเป็นต้น ใส่จนครบ 11 ข้อ นี่คือผลผลิตที่เราต้องการ เพราะฉะนั้นถามว่า ผลผลิตพวกนี้เกิดจากอะไร จะมี 3 ระบบ คือ
1) ระบบการเรียนการสอนให้เด็กมีความรู้เจตคติ ทักษะด้าน 8 กลุ่มสาระ แต่ว่าระบบนี้ระบบเดียวไม่เพียงพอที่ทำให้เรามีคุณภาพตาม 11 มาตรฐาน ต้องอาศัยอีก 2 ระบบสำคัญ ระบบหนึ่งที่ตอบสนองความแตกต่างของเด็กแต่ละคนที่มีความประพฤติ และมีรากฐานครอบครัวที่แตกต่างกัน
2) ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ที่จะรู้จักเด็กเป็นรายบุคคลและให้การช่วยเหลือและพัฒนาเด็กไปตามความต้องการของเด็กแต่ละบุคคลโดยครูที่ปรึกษา ถ้ามีปัญหาจะส่งต่อครูปกครอง ครูแนะแนว นี่ถือว่าเป็นระบบใหญ่ที่สำคัญและถือว่าเป็นระบบหลักระบบที่สอง
3) ระบบที่ตอบสนองต่อ Multiple intelligence (พหุปัญญา) คือ เด็กแต่ละคนมีความสามารถที่หลากหลาย ย่อมไม่สามารถที่จะตอบสนองได้โดยการเรียนการสอนใน 8 กลุ่มสาระเท่านั้น เพราะฉะนั้นระบบกิจกรรมนักเรียนจะตอบสนองให้นักเรียนพัฒนาพหุปัญญาได้ไปตามความสนใจของแต่ละคน รวมทั้งตอบสนองความต้องการของชุมชน ในชนบทที่ห่างไกล หลายแห่ง โรงเรียนไม่ใช่แหล่งที่จะหมายถึง แหล่งที่ให้การศึกษาต่อในขั้นที่สูงขึ้นเท่านั้น แต่อาจจะเป็นสถาบันที่ดำรงรักษาวัฒนธรรมและความอยู่รอดของชุมชนด้วย เพราะฉะนั้นระบบกิจกรรมจะต้องตอบสนองตามความสนใจที่หลากหลายของนักเรียนตลอดจนความต้องการของชุมชนส่วนระบบสนับสนุนนั้นจะเห็นว่าจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ หนึ่งทิศทางองค์กร สองการบริหารจัดการทั่วไป สามเป็นระบบที่เชื่อมโยงโรงเรียนทุกระบบเข้าด้วยกัน
ส่วนที่ 1 ประกอบด้วยการนำองค์กรและยุทธศาสตร์องค์กร โรงเรียนหลายโรงเรียนที่ทำโครงการแล้วอาจไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เริ่มต้นอาจจะเกิดปัญหา คือ การนำของผู้อำนวยการ และผู้บริหารโรงเรียน แล้วยุทธศาสตร์โรงเรียนไม่มีความมั่นคงเพียงพอจะทำให้โรงเรียนเกิดการพัฒนาคุณภาพได้ส่วนที่ 2 การบริหารจัดการนำไปซึ่งแบ่งเป็น 4 ระบบย่อย คือ
1) ระบบบริหารจัดการ คือ ดูแลเรื่องเงิน คน ของ สถานที่ และสื่อ
2) ระบบการดูแลคุณธรรมจริยธรรมวิชาชีพ การศึกษานั้นเป็นผลิตสิ่งที่สำคัญ คือ มนุษย์ให้เขาเป็นบุคคลที่มีคุณค่าแก่สังคมเรื่องนี้ต้องมีระบบในการให้ผู้ที่ทำการบริหารและทำการจัดการเรียนการสอนคงไว้ซึ่งคุณธรรมและจริยธรรมแห่งวิชาชีพให้เต็มที่ เช่นเดียวกับวิชาชีพอื่นๆ เช่น แพทย์ เป็นต้น
3) เราต้องมีระบบการพัฒนาบุคลากร เนื่องจากโรงเรียนอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพราะฉะนั้นการพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพจะทำให้ ระบบประสบความสำเร็จได้
4) ระบบชุมชนสัมพันธ์ ที่จะให้โรงเรียนสามารถดึงความร่วมมือผู้ปกครองชุมชนตลอดจนศิษย์เก่าได้ส่วนที่ 3 ของระบบ คือ ระบบสารสนเทศ เป็นระบบที่จะเชื่อมโยงทุกระบบเข้าด้วยกันว่าเราอยู่ตรงไหนของการพัฒนา ปัญหาเราคืออะไร และเราจะพัฒนาอะไรต่อไป โรงเรียนมีระบบสารสนเทศที่ดีจะมีคำตอบเหล่านี้อยู่ในโรงเรียนเราเคยมีโรงเรียนชั้นนำของมัธยมศึกษาเกิดปัญหาเด็กฆ่าตัวตาย เด็กทำร้ายกันเอง สะท้อนให้เห็นว่า แม้โรงเรียนนั้นจะมีการเรียนการสอนที่มีคุณภาพแต่มีจุดอ่อนที่ระบบดูแลช่วยเหลือเด็ก จะเห็นได้ว่าถ้าระบบใดระบบหนึ่งมีจุดอ่อนจะเกิดปัญหาได้ ถ้าระบบการเรียนการสอนดี ระบบช่วยเหลือนักเรียนดี แต่ไม่มีระบบกิจกรรมนักเรียนที่ดีพอเด็กกลับบ้านเลิกเรียน 3 โมงครึ่ง นักเรียนกลับบ้านอย่างเดียวแทนที่จะให้เด็กใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ที่จะได้ทำตามกิจกรรมตามความสนใจของตนเองเด็กจำนวนมากก็แทนที่จะกลับบ้านก็ไปศูนย์การค้าดูหนังเล่นเกม ไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่เหมาะสมหรือขาดโอกาสในการพัฒนาพหุปัญญาขึ้นมา เพราะฉะนั้นต้องใช้ระบบกิจกรรมที่แข็งด้วย
เพราะฉะนั้นแนวคิดเชิงระบบกล่าวในที่นี้แปลว่า โรงเรียนที่มีคุณภาพต้องดีทุกระบบ อันนี้กลับมาตอบข้อสงสัยของหลายท่านว่า ทำไมการประเมินเพื่อรองรับจึงเป็น All all non ก็คือ ท่านจะต้องผ่านทุกๆ มาตรฐานของแต่ละระบบคุณภาพ ไม่มียกเว้นเพราะแนวคิดเชิงระบบนั้น ถ้าระบบใดระบบหนึ่งมีปัญหาอาจจะส่งผลให้ระบบและคุณภาพของโรงเรียนนั้นเกิดปัญหาได้ แนวคิดเชิงระบบนี้เราพยายามเอามาตรฐานและตัวชี้วัดมาจัดกลุ่มใหม่ให้อิงตามระบบต่างของโรงเรียนเพราะฉะนั้นการทำระบบที่ดีจะบรรลุมาตรฐานหลายๆ ข้อที่เกี่ยวข้องกับระบบนั้น แนวคิกเชิงระบบประการที่ 2 ซึ่งให้ความสำคัญกับระบบในแง่ที่ประกอบด้วยกระบวนการต่าง ๆ ซึ่งก็คือ ชุดของกิจกรรมที่ทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์กร ดังนั้นเพื่อจะดูแลนักเรียนให้ได้ตามความแตกต่างของบุคคล ตามระบบดูแลช่วยเหลือ ต้องประกอบด้วยหลายๆ หน้าที่ หลายๆ กิจกรรมมาทำร่วมกัน ชุดกิจกรรมเหล่านี้จะต้องดำเนินการอย่างดีถึงจะทำให้มีคุณภาพ ตรงนี้เรียกว่า ระบบคุณภาพ บางคนเรียกว่า Quality System บางคนใช้คำว่า Quality Management System กระบวนการอันเป็นชุดของกิจกรรมมาทำงานร่วมกัน ถ้ากิจกรรมหนึ่งบกพร่องจะส่งผลต่อกิจกรรมถัด ๆ ไป เพราะฉะนั้นนี้คือ สิ่งที่สถาบันวิจัยได้เรียนรู้และทำงานร่วมกับโรงเรียน 216 โรงเรียน เราค้นพบว่าจริงๆ โรงเรียนต้องจัดระบบคุณภาพให้ครบทั้ง 10 ระบบ โดยทั่วไปโรงเรียนจะมี10 ระบบ แต่ยังไม่มีคุณภาพ สิ่งที่โรงเรียนจะต้องทำ คือ ทำให้ 10 ระบบเป็นระบบแห่งคุณภาพ ซึ่งนำหลัก PDCA ไปใช้ PDCA ที่โรงเรียนทำอยู่อาจไม่ใช่ PDCA เพราะคำว่า PDCA นั้นเป็นเรื่องการจัดระบบ ทุกอย่างต้องเริ่มต้นด้วยความหมายเชิงระบบทั้งสิ้น บางโรงเรียนเข้าใจว่า P คือการวางแผน แล้วทำตามแผนกัน เพื่อให้เข้ากับมาตรฐานและตัวบ่งชี้ พอทำแล้วประเมิน พอเสร็จนำไปสู่การเขียนรายงาน อันนี้จะไม่เกิดผลเชิงระบบเพราะว่า P ในเรื่องของวงจรคุณภาพมาจาก Plan แต่ว่าแปลต่างกัน ในระบบคุณภาพ P แปลว่า วางระบบระบบการเรียนการสอนต้องถูกวางอย่างดี ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนต้องถูกวางอย่างดี ระบบกิจกรรมนักเรียนต้องถูกวางอย่างดี เป็นต้น ทุกคำจะมีคำว่าระบบอยู่
1) P วางระบบ
2) D ทำตามระบบ
3) C ประเมินระบบ
4) A แก้ไขระบบ PDCA หรือ PDSA ใช้คำว่า study แทนคำว่า Check เพื่อแก้กระบวนทัศน์แบบเก่า ที่เน้นการตรวจสอบทบทวน แต่จริงๆ แล้ว Check คือการประเมินเพื่อการเรียนรู้พัฒนาตนเอง ดังนั้นจะใช้ PDCA หรือ PDSA ก็ได้ ดังในแผนภูมิที่ 4
แผนภูมิที่ 4 PDCS ในความหมายของระบบคุณภาพ
การวางระบบที่ดี หมายความว่า ระบบต้องประกอบด้วยกระบวน วิธีการและบันทึกที่เป็นมาตรฐาน ครูคนเดียวกันถ้าเป็นครูที่ปรึกษาเหมือนกันอยู่ในโรงเรียนเดียวกันต้องทำคุณภาพเดียวกัน คุณภาพที่เขาต้องทำต้องมีกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบเหมือนกัน มีวิธีการหลักๆ เหมือนกัน และสามารถบันทึกสิ่งสำคัญๆ ให้ตนเองใช้ทบทวนและเพื่อนๆ มาทบทวนได้ สรุปว่ามี 3 คำ คือ กระบวนการ วิธีการ และบันทึก ระบบการดูแลช่วยเหลือเด็ก ครูที่ปรึกษาต้องรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล คัดกรองเด็ก ถ้าเด็กเสี่ยงหรือมีปัญหาต้องส่งต่อ ถ้าเขาดีต้องทำกิจกรรมพัฒนาให้ต่อเนื่องคือ กิจกรรมโฮมรูม และประชุมผู้ปกครองเพื่อที่จะใช้ความร่วมมือนั้นเพื่อพัฒนาเด็กต่อไป บางโรงเรียนถามว่ามีไหม มีครบทุกกิจกรรม แต่ไม่มีคุณภาพ เพราะคุณภาพจะต้องเจาะลึกลงไป 2 ระดับ คือ
1) กระบวนการที่มีคุณภาพ
2) ต้องมีวิธีการในแต่ละกิจกรรมที่มีคุณภาพ ดังแผนภูมิที่ 5
แผนภูมิที่ 5 ตัวอย่างระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
แนวคิดเชิงระบบประการที่ 3 จะตรงข้ามกับแนวคิดการประเมินแบบแยกส่วนการประเมินโดยมาวัด
เป็นครั้งๆ เวลาจะทำรายงานอย่างนี้ไม่เป็นระบบที่ดี แนวคิดเชิงระบบนั้นกิจกรรมแต่ละขั้นตอนจะมีสิ่งที่เราเรียกว่าบันทึกเอาไว้ ซึ่งบันทึกนั้นสามารถสรุปเป็นข้อมูลสารสนเทศที่บอกคุณภาพของโรงเรียนได้ ด้วยความคิดเชิงระบบเราจะเลิกมีกระดาษท่วมโรงเรียน ด้วยแนวคิดเชิงระบบเราจะเลิกการที่มีข้อมูลเป็นครั้งๆ โดยไม่ได้อยู่เป็นระบบ ยกตัวอย่างระบบดูแลเหลือนักเรียน นักเรียนของเราเป็นกลุ่มเสี่ยงกี่เปอร์เซ็นต์ ช่วยเหลือแล้วดีขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าจัด Classroom Meeting ผู้ปกครองมีความพึงพอใจกี่เปอร์เซ็นต์ มันมาจากระบบหมดเลย ข้อมูลเหล่านี้สามารถเชื่อมโยงเข้ากับมาตรฐานและตัวบ่งชี้ต่างๆ ได้ เป็นการสะท้อนคุณภาพของโรงเรียนทางสถาบัน
ได้ทำการพัฒนาเครื่องมือชุดหนึ่งเพื่อที่จะทำให้โรงเรียนสามารถที่จะพัฒนาเป็นเชิงระบบ และทำให้ประสานกับการประเมินได้ เครื่องมือตัวนี้คือ เครื่องมือที่ชื่อว่า ToPSTAR ชื่อตัวนี้มาจากตัวอักษรที่มาร้อยรัดกันโดยมีฉากหลักคือตัว A มาจาก Accreditation แปลว่าการประเมินเพื่อรับรองเพราะเครื่องมือตัวนี้ทำเพื่อการประเมินรับรองไม่ใช่เพียงแต่การประเมินตามสภาพจริง ตัว A ต้องประกอบด้วยองค์ประกอบทั้งหมด 5 องค์ประกอบ ตัวแรกคือ Think over ปรับกระบวนทัศน์ใหม่ คิดใหม่ว่าเราจะไม่ประกันคุณภาพที่เน้นการประเมินแยกส่วนไปตามมาตรฐานและตัวบ่งชี้ แต่เราจะทำได้ดีกว่าเพราะเรามุ่งเน้นเชิงระบบ เชิงยุทธศาสตร์และการมีส่วนร่วม ตัวที่สอง Plan การวางแผนยุทธศาสตร์ที่ดี System คือการวางระบบที่ดี และ Team คือการ พัฒนาทีมที่ดี มีการเรียนรู้ในทีมที่ดีและสุดท้าย มีการประเมินและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ดี (Assessment and Refletion)
การประกันคุณภาพการศึกษา : จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ สู่อนาคตการศึกษาไทย
การประกันคุณภาพภายในคือส่วนที่สำคัญที่สุดของระบบประกันคุณภาพ เพราะคุณภาพเกิดจากภายใน ถ้าคุณภาพภายในดี การประเมินภายนอกก็เป็นเพียงการตรวจซ้ำอีกครั้งเพื่อยืนยันความสำเร็จ แต่ถ้าคุณภาพภายในไม่ดี การประเมินภายนอกก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก การนำทฤษฎีมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่อนำไปสู่การประกันคุณภาพของสถานศึกษานั้น สิ่งสำคัญที่สามารถทำให้การนำทฤษฎีไปสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริงและทำให้การประกันคุณภาพของสถานศึกษาประสบความสำเร็จ คือ
1. ผู้บริหารสถานศึกษาจะเป็นผู้นำในการบริหารจัดการคุณภาพ โดยการบริหารระบบคุณภาพตามหลักการบริหารคุณภาพ ของเดมมิ่ง (PDCA) Plan Do Check Act ส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูมีการทำงานเป็นทีม และสร้างภาวะผู้นำในงานหรือตามบทบาทหน้าที่ให้เกิดกับครูโดยใช้การบริหารคุณภาพแบบเบ็ดเสร็จ ผู้บริหารจะเป็นผู้สร้างความตระหนักและความเข้าใจการประกันคุณภาพการศึกษา แก่ครูว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่จะพัฒนาคุณภาพการทำงาน โรงเรียน และผู้เรียน ว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการ และพัฒนาตนเองให้มีความรู้ความเข้าใจ ทันต่อการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาโดยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันโดยการทำ Bench Marking ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และสร้างความมั่นใจได้ว่า สถานศึกษาสามารถจัดการศึกษาให้มีคุณภาพได้ตามมาตรฐานที่กำหนด ผู้สำเร็จการศึกษามีความรู้ความสามารถ และมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามที่หลักสูตรกำหนดและที่สังคมต้องการ
2. บทบาทหน้าที่ของครูในการประกันคุณภาพภายในควรเป็นดังนี้
2.1 มีการเตรียมความพร้อมของตนเอง โดยทำการศึกษาให้เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการ วิธีการ ขั้นตอนในการประเมินผลภายใน รวมทั้งพยายามสร้างเจตคติที่ดีต่อการประเมินภายใน
2.2 ให้ความร่วมมือกับสถานศึกษาในการให้ข้อมูลพื้นฐานทั่วไปที่คณะกรรมการประเมินผลภายในต้องการ
2.3 ให้ความร่วมมือกับสถานศึกษาเมื่อได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการในกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งของการประเมินผลภายใน เช่น เข้าร่วมพิจารณาจัดทำปฏิทินการปฏิบัติงานด้านการประเมินผลภายในสถานศึกษา ร่วมกันพิจารณาจัดสร้างเครื่องมือในการจัดเก็บข้อมูลลักษณะต่างๆ ในกระบวนการประเมินผลภายใน ร่วมกันทำการสำรวจเก็บข้อมูลที่คณะกรรมการสำรวจ ร่วมกันทำการวิเคราะห์ข้อมูล (หากมีความรู้ด้านการวิเคราะห์) ร่วมกันสรุปผลการประเมิน เป็นต้น
2.4 ให้ความร่วมมือกับสถานศึกษา ในการร่วมกันกำหนดจุดประสงค์ กำหนดมาตรฐานและตัวบ่งชี้ในการประเมินด้านต่าง ๆ ของสถานศึกษาเอง และร่วมกันกำหนดเกณฑ์การตัดสินมาตรฐานและตัวบ่งชี้ในด้านต่าง ๆ
2.5 ปฏิบัติหน้าที่หลักหรือหน้าที่ประจำที่รับผิดชอบอย่างมีระบบ ตามกระบวนการและสอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษา เช่น ในหน้าที่การสอนต้องมีการพัฒนาหลักสูตรและแผนการสอนที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ จัดเตรียมเนื้อหาสาระที่ถูกต้องเหมาะสมกับจุดประสงค์การเรียนการสอน จัดทำสื่อการสอนที่มีประสิทธิภาพตรงตามจุดประสงค์การเรียนการสอน จัดกิจกรรม วิธีการเรียนรู้ที่สร้างให้ผู้เรียนเกิดการค้นคว้าหาความรู้สร้างความรู้ด้วยตนเอง เลือกวิธีการประเมินผลการเรียนหลากหลายและเหมาะสมรวบรวมผลสรุปผล ประเมินการเรียนการสอน พฤติกรรมของผู้เรียน นำผลการประเมินมาปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
เยาวชนไทยเป็นทรัพยากร เป็นสมบัติที่มีค่าของสังคมคงไม่มีระบบใดอีกแล้วที่จะมีบทบาทในการที่เราจะดูแลสมบัติอันล้ำค่าของสังคมไทยได้เท่ากับระบบการศึกษา เวลานี้สิ่งที่เราหวังว่าเราจะทำให้ได้ดีที่สุดคือ เราสร้างให้สถานศึกษามีคุณภาพตามที่สังคมคาดหวัง การประกันคุณภาพเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง เพราะว่าเราจะสามารถพัฒนาระบบต่างๆ ในโรงเรียนให้ดี คือ การปฏิรูปทุกระบบ เราจะมีการแก้ปัญหาที่ตรงจุด คือแก้ที่ระบบไม่ใช่โทษที่บุคคล บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะมามุ่งมั่นร่วมมือร่วมใจกันในการที่จะพัฒนาสถานศึกษาให้มีคุณภาพโดยพัฒนาระบบต่างๆ คงไม่มีวันใดที่หัวใจของผู้บริหารสถานศึกษาและคุณครูจะมีความสุขเท่ากับวันที่สังคมประเมินและเห็นว่าโรงเรียนเราเป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพพัฒนาเยาวชนออกมาเป็นสมบัติของสังคมที่ได้ตามที่สังคมเราคาดหวัง
บรรณานุกรม
ประเวศ วะสี. ยุทธศาสตร์ทางปัญญาของชาติ. กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนต์พับลิชชิ่งจำกัด (มหาชน),
2537.
รุ่ง แก้วแดง ประกันคุณภาพการศึกษา ทุกคนทำได้ ไม่ยาก กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์วัฒนาพาณิช ,2544
วรภัทร์ ภู่เจริญ แนวทางการประเมินคุณภาพนายในสถานศึกษา. กรุงเทพฯ : พิมพ์ดี, 2542
สมคิด พรมจุ้ยและสุพักตร์ พิบูลย์ การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา นนทบุรีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช , 2544.
สามัญศึกษา,กรม. รายงานการวิจัย เรื่อง การศึกษาแนวทางในการพัฒนาคุณภาพของโรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดกรมสามัญศึกษา. กรุงเทพฯ กองแผนงานกรมสามัญศึกษา, 2542ค.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ มาตรฐานการศึกษาเพื่อการประเมินคุณภาพภายนอก
ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรุงเทพฯ : บริษัทพิมพ์ดี จำกัด ,2544.
. แนวทางการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา : เพื่อพร้อมรับการประเมินภายนอก
กรุงเทพฯ : บริษัทพิมพ์ดี จำกัด, 2543.
สำนักงานปฏิรูปการศึกษา พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว 2543
สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา กรอบการประเมินคุณภาพภายนอกระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรุงเทพมหานคร สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา, 2544.